ข้อคิดชีวิตงาม โดย ม.ชูชาติ

โอ้ทะเลแสนงาม  ฟ้าสีครามสดใด มองเห็นเรือใบ  อยู่ในท้องทะเล

            วันนี้ ตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ เพื่อเดินออกไปสัมผัสแสงแรกของพระอาทิตย์ยามเช้า ที่หน้ารีสอร์ต เท้าได้สัมผัสทรายสีขาว มองเห็นน้ำทะเลสีฟ้าใส ลมทะเลพัดเย็นสบาย  แสงสีทองของวันใหม่กระทบเม็ดทรายส่องแสงระยิบระยับงามตา ได้ยินเสียงคลื่นทะเลซู่ๆ เหมือนให้กำลังใจเราว่า ชีวิตต้องสู้สู้นะ มันช่างเป็นเช้าที่มีความสุข สบายใจที่สุด เห็นรอยเท้าในผืนทรายค่อยๆ ถูกคลื่นซัดสาดสลายไป เหมือนธรรมชาติได้บำบัดความทุกข์ที่ซ่อนในใจทุเลาเบาบางลงไป

            บางครั้งชีวิตเรา ทุ่มเท แรงกาย แรงใจ ด้วยความขยันหมั่นเพียร เพื่อสร้างฝันให้เป็นจริง  มีแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะหน้าที่การงาน มีรถ มีบ้าน มีครอบครัว มีเพื่อน มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน   แต่ลึกๆ ยังรู้สึกทุกข์ ระทม ข่มขื่น อ้างว้าง หาความสุขไม่เจอ เหมือนตกอยู่ในทะเลใจดั่งเพลงของคาราบาว ที่เขาเปิดในงานเลี้ยงเมื่อคืนที่ผ่านมา  มีตอนหนึ่งว่า “ ทุกชีวิตดิ้นรน ค้นหาแต่จุดหมาย ใจในร่างกายกลับไม่เจอ ทุกข์ที่เกิดซ้ำ เพราะใจนำพร่ำเพ้อ   หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข

พลันก็นึกถึงเรื่องเล่าดีดีเรื่องหนึ่ง คือเรื่อง ยาดีสามห่อ นึกถึงแล้วประทับใจมากและเข้ากับบรรยากาศชายหาด

คลื่นทะเล และความสงบในยามเช้า

            เรื่องมีอยู่ว่า  มีเศรษฐีคนหนึ่ง เขาสามารถซื้อทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการได้ แต่กลับรู้สึก ยิ่งมียิ่งขาดความสุข เขาเชื่อว่า   ตัวเองน่าจะเป็นโรคซึมเศร้า  ยิ่งหาหมอก็ยิ่งพบแต่ความว่างเปล่า และเครียด

วันหนึ่ง  เขาได้ยินว่า  มีหมอเทวดาคนหนึ่ง อาศัยอยู่ริมทะเล เขาจึงตัดสินใจไปหาทันที เมื่อหมอได้รับฟังปัญหาอาการของเขาแล้ว หมอเทวดาได้ยื่นยาให้เขาสามห่อ และรับรองว่าเขาจะหายจากโรคอย่างแน่นอน หมอกำชับอีกว่า   ต้องกินยาวันละห่อ และต้องไปกินที่ริมหาดทราย จึงจะได้ผลดี  เศรษฐีเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง

วันที่หนึ่ง  ก็เดินไปที่หาดทราย และลองแกะยาห่อแรกออกดู ภายในห่อยา  มีแต่ความว่างเปล่า นอกจากตัวหนังสือที่เขียนว่า “นั่งพักอยู่ริหาดทรายสัก 30 นาที” เขาลองทำตามและในเวลานั้น…จิตใจของเขาเริ่มสัมผัสกับเสียง คลื่น สายลม และท้องฟ้าสีคราม  ที่สวยงาม เศรษฐีคิดว่าตัวเอง ถูกหลอกแน่ๆ ก็เลยบอกกับตัวเองว่า ช่างมัน ถือว่ามานั่งพักผ่อน  ที่นี่ก็แล้วกัน เขานั่งอยู่ที่นั่นจน พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า จนลืมไปว่า นั่งนานกว่าที่หมอเทวดากำหนดไว้เสียอีก

วันที่สอง เขากลับไปที่ชายทะเล และคลี่ยาห่อที่สองออก ภายในไม่มีอะไรอีก นอกจากคำสั่ง “ช่วยเอาปลาตัวเล็กๆ ห้าตัวที่เกยตื้นกลับคืนสู่ทะเล” เศรษฐีทำตามคำสั่ง ปลาหลายตัวที่ใกล้ตายกลับมามีชีวิตอีกครั้งเมื่อได้กลับหวนคืนสู่ท้องทะเล  จิตใจเขาเบิกบานขึ้น ที่ทำให้ปลาตัวแล้วตัวเล่าพบกับชีวิตใหม่  

วันทีสาม เขาคลี่ยาห่อสุดท้ายออก ในนั้นเขียนว่า “เอาความทุกข์และความกังวลของคุณทั้งหมดเขียนลงบนหาดทราย” เศรษฐีหากิ่งไม้มาอันหนึ่งและเริ่มเขียนข้อความลงบนหาดทรายอย่างไม่ยั้งมือ…เขียน เขียน เขียน เขียน…….ความสัมพันธ์กับภรรยาไม่ดีเลย ยิ่งอยู่ยิ่งเย็นชา .ลูกๆ ก็ไม่เชื่อฟัง ธุรกิจก็ย่ำแย่หนี้สินล้นพ้น อื่นๆๆๆๆๆๆ  เขาเขียนจนมือเมื่อยล้า จึงลุกขึ้นยืนดูความทุกข์ของเขา ที่ถูกระบายออกมา  แต่ทันใดนั้นก็มีคลื่นลูกใหญ่  ลูกหนึ่งซัดขึ้นมาบนหาด และเมื่อมันค่อยๆไหลกลับไป เศรษฐีพบว่า ตัวหนังสือที่บ่งบอกถึงความทุกข์ มันได้ละลายหายไปกับน้ำ  กลับกลายเป็นหาดทรายที่ราบเรียบดังเดิม ความรู้สึกใหม่ๆ กำลังเกิดขึ้น

 

ความซึมเศร้ากำลังเป็นโรคฮิต  ของคนในยุคนี้   วิตก   กังวล ขาดความสุข   ดังหินก้อนใหญ่

ทับอยู่ที่ทรวงอก แต่ที่แน่ๆ คนที่สามารถเอาหินก้อนนี้ออกได้ ก็คือตัวคุณเอง

ยาห่อที่หนึ่ง   ก็คือ การพักผ่อน แท้จริง หมอเทวดาท่านนี้ต้องการให้ร่างกายและจิตใจของเขาได้รับการผ่อนคลาย มนุษย์เราต่อให้แข็งแกร่งขนาดไหน ร่างกายก็ต้องการพักผ่อน หยุดพักผ่อนบ้าง อย่าทำงานจนลืมพักผ่อน เมื่อทำงานหนักเพื่อคนอื่นแล้ว ก็อย่าลืมคืนความสุขให้ตนเองบ้าง เพราะสุขภาพคือทรัพย์สมบัติที่มีค่าที่สุด รวยอะไรหรือ ก็ไม่สู้รวยสุขภาพดี  อย่าทำงานเพื่อเก็บเงินไปใช้ในห้องไอซียู และอีกอย่างถ้าหากไม่พักผ่อนเลย  มันจะทำให้เราได้ไปนอนในหลุมฝังศพเร็วขึ้นเช่นกัน

ยาห่อที่สอง คือ การให้ ไม่ว่าท่านจะให้ความช่วยเหลือกับคนหรือสัตว์   ท่านจะได้รับการตอบแทนเป็นความสุขอย่างเต็มเปี่ยม การให้แม้เพียงเล็กน้อย  อาจได้รับการตอบแทนอย่างมากมายทางจิตวิญญาณ เพราะความสุขถ้าแบ่งปันกัน  ก็จะเพิ่มเป็นสองเท่า ความทุกข์ ถ้าแบ่งปันกัน ก็จะลดลงครึ่งหนึ่ง การให้ความสุขนั้นจึงเป็นสิ่งสุดยอด ผู้ใดหยิบยื่นความสุข ให้แก่บุคคลอื่น ผู้นั้นจะได้รับและอิ่มเอมใจในตนเอง

ยาห่อที่สาม   คือ เวลา  เวลาเปรียบเหมือนคลื่นทะเล ที่ทำให้หาดทรายราบเรียบ ไม่ว่าบาดแผลในใจจะลึกปานใด เวลาจะช่วยสมานแผลลึกนั้นให้หายได้  เวลาจึงเป็นยารักษาความทุกข์ ถ้าปล่อยให้ผ่านไป  ยิ่งนานเท่าไรความทุกข์  ก็ยิ่งลดลง และอาจหายไปในที่สุด ใบลาออกจากความทุกข์อีกวิธีหนึ่งก็คือ เวลามีความทุกข์เข้ามาหลายอย่างพร้อมกัน อย่าลุกลน ลุกลาน ตั้งสติจัดการเรื่องสำคัญเร่งด่วนก่อน แล้วค่อยจัดการเรื่องอื่นๆ ทีละเรื่อง ถ้าไม่ได้ทุกเรื่องไม่เป็นไร  เรายังมีวันใหม่ๆ ให้แก้มือเสมอ

ท่าน  ว.วชิรเมธี นักปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาได้เสนอ  7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งชีวิต หลักคิดเพื่อชีวิตมีความสุข ในหนังสือลายแทงแห่งความสุข ไว้ว่า

ถ้าคิดดี                          เป็นที่มาแห่งความสุข

ปัญญาดี                        ย่อมมีความสุข

เป็นคนดี                        ก็มีความสุข

ปฏิสัมพันธ์ดี                  ก็มีความสุข

ทำงานดี                         ก็มีความสุข

มองโลกในแง่ดี              ก็มีความสุข

ครอบครัวดี                    ก็มีความสุข

            สุข ทุกข์จึงอยู่ที่วิธีคิด อยู่ที่มุมมอง ไม่ใช่สิ่งของที่เรามี  ถ้าคิดบวก เราก็สุข คิดลบเราก็ทุกข์ ความสุขไม่ได้อยู่ที่ปากใคร แต่อยู่ที่ใจเราเอง  ถ้ายึดติดเราก็ทุกข์  ปล่อยวางเราก็สุข เหมือนเพลง “ปล่อย” ของธวัชชัย
ชูเหมือน  วรรคหนึ่งว่า “ใครจะชิงใครจะชังมันก็ช่างหัวเขา      แค่ตัวเรารู้เราช่างเค้าปะไร   ใครจะชักใครจะแช่งใครจะแกล้งใครจะหยัน   ก็ให้ช่างหัวมันก็ให้ปล่อยเค้าไป   ใครจะชมใครจะเชิดว่าประเสริฐเลิศหรู  ตัวเรารู้เราอยู่ปล่อยเค้าชมไป    ใครจะรักใครจะเกลียดใครจะเสียดใครจะสี   ก็เรารู้ตัวดีปล่อยเค้าทำไป” ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตให้มีความสุข

แนวทางการจัดการเรียนการสอนด้วย Google Classroom
การเรียนภาษาอังกฤษไม่ง่าย แต่คุ้มค่า